หินกรวด

หินกรวด คือ เศษหิน ก้อนหิน หรือกรวดขนาดเล็ก ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการผุพัง การกัดเซาะของน้ำ ลม หรือธารน้ำแข็ง ทำให้หินขนาดใหญ่แตกตัว และถูกพัดพาไปสะสมตามแหล่งต่างๆ เช่น ลำน้ำ ชายหาด หรือที่ราบเชิงเขา ลักษณะของหินกรวดตามธรรมชาติ มักมีความกลมมน เนื่องจากการขัดสีกัน นอกจากนี้ หินกรวด ยังอาจหมายถึงหินที่มนุษย์นำมาย่อย หรือบดให้มีขนาดเล็กลง เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง หรืองานตกแต่ง ซึ่งมักมีเหลี่ยมมุมชัดเจนกว่าหินกรวดธรรมชาติ โดยทั่วไป หินกรวดจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร ไปจนถึงประมาณ 6-7 เซนติเมตร

หินกรวดมีความหลากหลาย สามารถแบ่งตามลักษณะ และแหล่งที่มาได้หลักๆ ดังนี้

1. หินกรวดแม่น้ำ (River Gravel) : มีลักษณะกลมมน ผิวค่อนข้างเรียบ เกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำตามธรรมชาติ มีหลายสีสัน และขนาด มักใช้ในงานตกแต่งสวน ปูทางเดิน หรือตกแต่งตู้ปลา
2. หินกรวดทะเล (Pea Gravel/Beach Gravel) : มีลักษณะกลมมน คล้ายหินกรวดแม่น้ำ แต่ขนาดมักจะเล็กกว่า และมีความสม่ำเสมอของขนาดมากกว่า นิยมใช้ปูพื้นทางเดิน ลานนั่งเล่น หรือตกแต่ง
3. หินเกล็ด (Crushed Stone/Aggregate) : เกิดจากการนำหินใหญ่ มาย่อยด้วยเครื่องจักร ทำให้มีลักษณะเป็นเหลี่ยมคม มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็ก สำหรับผสมคอนกรีต ไปจนถึงขนาดใหญ่ สำหรับงานปูพื้น หรือถมที่ นิยมใช้ในงานก่อสร้าง และปูพื้นผิวที่ต้องการความแน่นหนา
4. หินกรวดสี (Colored Gravel) : อาจเป็นหินธรรมชาติ ที่มีสีสันเฉพาะตัว หรือเป็นหินที่นำมาย้อมสี เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น เหมาะสำหรับงานตกแต่ง ที่ต้องการเน้นสีสันเป็นพิเศษ

• ความสวยงาม และเป็นธรรมชาติ : เพิ่มพื้นผิว (Texture) และสีสันให้พื้นที่ มีความหลากหลายในการออกแบบ
• การระบายน้ำที่ดี : น้ำสามารถซึมผ่านช่องว่างระหว่างหินได้ดี ช่วยลดปัญหาน้ำขัง
• การควบคุมวัชพืช : เมื่อปูทับด้วยแผ่นคลุมดิน (Weed Barrier) จะช่วยชะลอ และลดการเจริญเติบโตของวัชพืชได้ดี
• ดูแลรักษาง่าย : ไม่ต้องรดน้ำ ตัดหญ้า หรือใส่ปุ๋ยเหมือนสนามหญ้า
• ความทนทาน : ทนทานต่อสภาพอากาศ และการเหยียบย่ำ
• ความคุ้มค่า : มีหลายราคาให้เลือก ขึ้นอยู่กับประเภท และแหล่งที่มา

• วัตถุประสงค์การใช้งาน : พิจารณาว่าจะนำไปใช้ทำอะไร เช่น ปูทางเดิน (ควรเลือกชนิดที่เดินสบาย ไม่แหลมคม), ตกแต่ง (เลือกสี และรูปทรงตามต้องการ), หรือเพื่อการระบายน้ำ
• ขนาด : ขนาดเล็กให้ความรู้สึกละเอียดอ่อน ขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกโดดเด่น ควรเลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ และการใช้งาน
• สี และรูปทรง : เลือกสีให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งโดยรวม หินกลมมนให้ความรู้สึกนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ หินเหลี่ยมให้ความรู้สึกทันสมัย
• ปริมาณ : คำนวณพื้นที่ ที่ต้องการใช้งาน เพื่อประเมินปริมาณหินที่ต้องซื้อ โดยทั่วไปจะปูหนาประมาณ 5-10 เซนติเมตร ควรซื้อเผื่อเล็กน้อย
• งบประมาณ : เปรียบเทียบราคาจากผู้จำหน่ายหลายราย เนื่องจากราคาอาจแตกต่างกันตามประเภท แหล่งที่มา และคุณภาพ

การติดตั้ง

1. เตรียมพื้นที่ : กำจัดวัชพืช เศษหิน หรือขยะออกจากบริเวณที่จะปู
2. ปรับระดับพื้นดิน : ทำให้พื้นผิวเรียบเสมอกัน อาจมีการบดอัดเล็กน้อย เพื่อให้แน่นขึ้น และอาจทำระดับให้ลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อช่วยระบายน้ำ
3. ปูแผ่นคลุมดิน (Weed Barrier) : (แนะนำอย่างยิ่ง) เพื่อป้องกันวัชพืชงอกแทรกขึ้นมาระหว่างก้อนหิน
4. ติดตั้งขอบกั้น (Edging) : เช่น ขอบพลาสติก ไม้ หรือโลหะ เพื่อกั้นขอบเขตให้ชัดเจน และป้องกันหินกระจายออกนอกพื้นที่
5. เท และเกลี่ยหินกรวด : เทหินกรวดลงในพื้นที่ที่เตรียมไว้ ใช้คราดเกลี่ยให้มีความหนาสม่ำเสมอตามที่ต้องการ (โดยทั่วไปประมาณ 5-10 ซม.)

การดูแลรักษา

• ทำความสะอาด : ใช้ไม้กวาดทางมะพร้าว หรือเครื่องเป่าลม เป่าเศษใบไม้ หรือฝุ่นผงที่ปลิวมาตกบนผิวหิน
• กำจัดวัชพืช : หากมีวัชพืชงอกขึ้นมา (โดยเฉพาะตามขอบ หรือบริเวณที่แผ่นคลุมดินเสียหาย) ให้รีบถอนออก
• เติมหิน : เมื่อเวลาผ่านไป หินอาจมีการยุบตัว หรือกระจายออก ควรเติมหินเพิ่มเป็นครั้งคราว เพื่อให้สวยงาม และได้ระดับเท่าเดิม
• เกลี่ยหิน : ใช้คราดเกลี่ยหินให้เรียบเสมอกันเป็นระยะ เพื่อให้ดูเป็นระเบียบ และใช้งานได้ดี